ยาดมสมุนไพร “BB Herb” ปั้นแบรนด์ไทยปักหมุดแดนมังกร SME D Bank เสริมแกร่งเติมความรู้การเงิน ช่วยลดต้นทุนธุรกิจ
“สมุนไพรไทยมีดีอยู่แล้ว แค่ต้องเล่าใหม่ให้คนทั้งโลกเห็น” คุณนิจวรรณ ผลงาม เชื่อมั่นเช่นกัน นำประสบการณ์จากการเป็นที่ปรึกษาโรงงานผลิตสมุนไพร มากว่า 10 ปี รวมถึง เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าสมุนไพรไทยกว่า 30 แบรนด์ มาต่อยอดก่อตั้ง บริษัท เบสบาล์ม จำกัด ในปี 2560 สร้างแบรนด์ยาดมสมุนไพรไทยของตัวเอง ในชื่อ “BB Herb” นำเสนอเสน่ห์แห่งสมุนไพรไทยร่วมสมัยที่มุ่งมั่นพาเดินทางไกลไปเจาะตลาดแทนมังกร โดยมี SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย เป็นเพื่อนร่วมเส้นทาง เติมทุน ควบคู่เติมความรู้โดยเฉพาะด้านการเงิน ช่วยลดต้นทุนธุรกิจ พร้อมเสริมการตลาด ช่วยให้ธุรกิจก้าวไปไกลกว่าเดิม
หลังโควิด-19 คลี่คลาย กระแส “ยาดมสมุนไพร” กลับมาคึกคัก คุณนิจวรรณ ตัดสินใจเริ่มต้นเปิดตัวแบรนด์ “BB Herb” โดยตั้งโจทย์ให้ชัดเจนว่า “ต้องไม่เหมือนใคร และ เล่าเรื่องความเป็นไทยแบบร่วมสมัย”
จุดเด่นสำคัญของ BB Herb คือ การใช้บรรจุภัณฑ์ในกระปุกใส ผู้บริโภคสามารถมองเห็นสมุนไพรที่อยู่ข้างใน แสดงถึงความภาคภูมิใจในสินค้า ที่ประกอบด้วยส่วนผสมหลัก เช่น การบูร กะวาน ดอกจันทน์ สมุนแว้ง พิมพ์เสน และพริกไทยดำ เป็นต้น ให้ทั้งกลิ่นและความรู้สึกสดชื่นเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีการผสมผสานความเป็นไทยเข้ากับความร่วมสมัยด้วยดีไซน์บรรจุภัณฑ์สีชมพูสดใส เพื่อไม่ให้ดูเป็น “โบราณ” จนเกินไป
ด้วยประสบการณ์อยู่ในวงการผลิตสมุนไพรไทยมายาวนาน รู้ดีถึงความชื่นชอบและชื่นชมสมุนไพรไทยของชาวจีน ดังนั้น ลูกค้าหลักมุ่งโฟกัสไปที่ “ตลาดประเทศจีน” ซึ่งไม่ใช่การคิดแบบกว้างๆ แต่กำหนดพิกัด และโครงสร้างการนำเข้าสินค้าอย่างเป็นขั้นตอน ใช้เวลาเตรียมพร้อมกว่า 2 ปี
คุณนิจวรรณ ระบุว่า BB Herb ตั้งใจสร้างแบรนด์เพื่อขายที่ประเทศจีนเป็นสำคัญ แต่การบุกตลาดจีนนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยประสบการณ์จากการทำงานจริงจังของตัวเองที่จะถ่ายทอดเป็นความรู้แก่ผู้ประกอบการท่านอื่นๆ ที่ควรทำ หากอยากจะเข้าสู่ตลาดจีน คือ 1. ต้องจดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้า (Trade Mark) ให้ครอบคลุมทุกประเภทที่จีน หากยังไม่ได้จดลิขสิทธิ์ อย่าเพิ่งนำสินค้าไปงานแสดงสินค้าที่จีน เพราะเมื่อกลับมาแล้ว สินค้าเราอาจถูกลอกเลียน จนกลายเป็นของปลอมที่นั่นเสียเอง 2. ทำสินค้าให้ผ่านมาตรฐานของจีน และผ่านกรมศุลกากรอย่างถูกกฎหมาย และ 3. ศึกษาตลาดอย่างละเอียด และรู้ว่าควรไปขายในมณฑลไหน เพราะแต่ละมณฑลมีความชอบไม่เหมือนกัน
นอกจากนั้น ต้องพัฒนาสูตร ให้ป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อรา ภายใต้สภาพการขนส่ง–จัดเก็บที่ต่างประเทศคุณภาพอากาศหลากหลาย โดยทีมงาน BB Herb จับมือกับโรงงานผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) ควบคุมตั้งแต่วัตถุดิบ กระบวนการ บรรจุภัณฑ์ ทดลองสูตร ทดสอบเสถียรภาพ และจัดทำเอกสารให้พร้อมสำหรับการส่งออก ช่วยให้ส่งออกได้ทั่วโลก สอดคล้องกับเป้าหมายการทำตลาดประเทศจีน
ส่วนการเจาะตลาด เลือก “กว่างโจว” เป็นเมืองนำร่อง เนื่องจากเห็นว่าเป็นเมืองท่าและเป็นเมืองค้าส่ง ลูกค้ามีการตอบรับที่ดี กำหนดราคาวางขายในจีน 3 กระปุก ราคา 100 หยวน หรือประมาณ 500 บาท วางขายผ่านห้างสรรพสินค้าและเครือข่ายร้านนวด เริ่มต้นเบื้องต้นประมาณ 100000 กระปุก
คุณนิจวรรณ ระบุด้วยว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ในการดำเนินธุรกิจของ บจก.เบสบาล์ม ได้รับสนับสนุนจาก SME D Bank ที่ให้มากกว่าการเงินทุน แต่ช่วยเติมความรู้ที่แก้ Pain Point ตรงจุด ด้วยการเชิญร่วมกิจกรรมเสริมศักยภาพธุรกิจ ด้านบัญชีภาษี ช่วยให้ธุรกิจลดต้นทุนทางการเงินได้มาก
“ทางเจ้าหน้าที่ของ SME D Bank โทรมาชวนให้ไปอบรมเรื่องภาษี ตอนแรกไม่คิดว่าเกี่ยว แต่พอไปอบรมแล้ว ได้ความรู้ นำมาปรับใช้ ทำให้ธุรกิจประหยัดเงินไปได้มาก” คุณนิจวรรณ ระบุถึงประโยชน์ที่ได้รับหลังเข้าร่วมกิจกรรม
อีกทั้ง SME D Bank ยังช่วยต่อยอดนำผู้มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ หรือ “อินฟลูเอนเซอร์” (Influencer) มาช่วย Live Commerce รีวิวและขายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้า ภายใต้กิจกรรม “อินฟลูฯ ไลฟ์ เอสเอ็มอี รวย” ช่วยให้แบรนด์ BB Herb ขยายการรับรู้ได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากทำตลาดที่จีนแล้ว ขณะนี้ แบรนด์ BB Herb เริ่มวางขายในประเทศแล้ว ผ่านร้านค้าสินค้าสมุนไพรไทย ซูเปอร์มาร์เกต เป็นต้น ส่วนเป้าหมายต่อไป ตั้งเป้าเพิ่มยอดขาย และขยายไลน์สินค้าครอบคลุมทุกไอเทม เน้นกลุ่มเครื่องสำอาง โดยเน้นใช้สมุนไพรไทยจากท้องถิ่นเป็นหลัก เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยรายได้สู่ชุมชน
บทเรียนจากสนามจริงของ บจก.เบสบาล์ม ในการพายาดมสมุนไพรไทย BB Herb ไปปักหมุดที่ประเทศจีน “ไม่ง่ายเลย” แต่ด้วยการเตรียมพร้อมอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นให้ความสำคัญด้านมาตรฐาน ศึกษาและทำความเข้าใจตลาดที่จะไปอย่างชัดเจน มีการป้องกันเรื่องลิขสิทธิ์ และมีพันธมิตรที่ดี ช่วยเป็นสะพานเชื่อม พาสมุนไพรไทย ไปส่งถึงมือลูกค้าแดนมังกรได้จริง