จากแมสค์สู่กระดาษทิชชู่ “GAMSAI” ปรับตัวก้าวผ่านทุกวิกฤต SME D Bank เติมทุนยกระดับเพิ่มผลิตภาพไปอีกขั้น

   เมื่อ : 03 ก.ย. 2568

สำหรับผู้ประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะระดับเอสเอ็มอี  การ “ปรับตัว” ถือเป็นหัวใจสำคัญในการบริหารธุรกิจให้อยู่รอด และก้าวข้ามสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เสมอ  

 

บริษัท เอส.เจ.อีควิปเมนท์ แอนด์ แคร์ จำกัด เอสเอ็มอีพันธุ์แกร่ง จ.ลำพูน   โดยคุณเสกสรร คชพรม กรรมการผู้จัดการ พลิกวิกฤตในช่วงสถานการณ์โควิด-19 นำพื้นฐานธุรกิจเดิมมาต่อยอดสร้างธุรกิจใหม่  นอกจากจะพาองค์กรอยู่รอดแล้ว และยังเป็นขยายตลาดใหม่ด้วย

 

คุณเสกสรร เล่าว่า ดำเนินธุรกิจแปรรูปโลหะ มากว่า 10 ปี จนช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด งานประจำลดน้อยลงมาก   ขณะเดียวกัน เกิดปัญหาหน้ากากอนามัย หรือ “แมสค์” ขาดตลาดอย่างรุนแรง  แม้แต่พนักงานของตัวเองยังไม่มีใช้

 

เลือดนักสู้ที่ต้องการพาองค์กรและทีมงานก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้  เขาตัดสินใจ สร้างธุรกิจใหม่ นำความเชี่ยวชาญเดิมด้านงานช่างสร้างเครื่องจักรผลิตแมสค์ ออกมาตอบความต้องการของตลาดให้ได้  

 

Copy &Developคือสูตรที่คุณเสกสรรใช้พัฒนาเครื่องจักร   จนสามารถผลิตแมสค์ได้ ควบคู่กับหาแหล่งวัตถุดิบต่างๆ  และที่สำคัญ เนื่องจากแมสค์ ถูกจัดเป็นเครื่องมือแพทย์บริษัทได้ขออนุญาตอย. เพื่อขึ้นเป็นสถานที่ผลิตเครื่องมือแพทย์และยกระดับมาตรฐานทั้งในประเทศและมาตรฐานสากลเช่น ISO13485:2016 (MEDICAL DEVICE MANAGEMENT SYSTEM) มาตรฐาน ISO9001:2015 (QUALITY MANAGEMENT SYSTEM) มาตรฐาน มอก.2424-2565 และ อย. เป็นต้น

รวมถึงใช้บริการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ที่เป็นสถาบันการเงินที่ใช้บริการมานานจนรู้ใจ มาช่วยเติมทุนหมุนเวียนเสริมสภาพคล่องการผลิต

 

คุณเสกสรร ฉายภาพให้ฟังว่า เวลานั้น ทุกขั้นตอนทำงานแบบ  Fast Track  แม้จะชื่อแบรนด์ “GAMSAI”  (แก้มใส) ก็คิดอย่างปุ๊บปั๊บนำชื่อลูกสาวคนเล็กมาตั้งทำให้ระยะเวลาเพียงประมาณ 5-6 เดือน สามารถคลอดสินค้าแมสค์ออกสู่ตลาดสำเร็จซึ่งยังอยู่ในช่วงที่ตลาดมีความต้องการสูงอยู่  ทำให้มีคำสั่งซื้อ สูงกว่ากำลังการผลิตหลายเท่า

นอกจากนั้น ยังพัฒนารูปแบบสินค้าให้หลากหลายประเภท รวมถึง ส่งผลิตภัณฑ์ไปทดสอบคุณภาพในห้องปฏิบัติการทั้งในและต่างประเทศ  เพื่อการันตีคุณภาพ สร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าสูงขึ้นไปอีก

 

การปรับตัวครั้งนี้ ทำให้นอกจากจะพาให้องค์กรอยู่รอดแล้ว ยังเป็นการแตกไลน์ขยายสร้างธุรกิจใหม่

 

อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่า ยอดขายที่ถล่มทลายในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เป็น “ดีมานด์เทียม” เมื่อโรคระบาดคลี่คลาย ความต้องการแมสค์ต้องลดลงอย่างแน่นอน  ทีมงานหารือเตรียมพร้อมจะปรับตัวต่อไป ซึ่งจาก Know How  การผลิตที่มีอยู่แล้ว  ลงตัวที่จะ  “กระดาษทิชชู่” เพราะมีพื้นฐานการผลิตใกล้เคียงกันกับแมสค์ อีกทั้ง เป็นสินค้าที่ใช้แล้วทิ้ง ต้องสั่งซ้ำใหม่ต่อเนื่อง และเนื่องจากแบรนด์ GAMSAI ติดตลาดแล้วและสามารถทำตลาดไปพร้อมๆกันได้ทั้งแมสค์และกระดาษทิชชู่

กระดาษทิชชู่GAMSAI ออกตลาดประมาณปี 2567ผ่านช่องทางห้างสรรพสินค้า และออนไลน์ โดยความยากของธุรกิจนี้ เนื่องจากมีคู่แข่งขันในตลาดจำนวนมาก  และกำไรต่ำ ส่วนใหญ่จะเน้นแข่งขันเรื่องราคา  การสร้างจุดเด่น จึงสำคัญมาก โดยมุ่งที่สร้างความแตกต่างด้วยคุณภาพและแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ด้วยการเป็นกระดาษทิชชู่ความหนา 4 ชั้น นุ่ม เหนียว และไม่เปื่อยยุ่ย  ใช้แล้วประหยัด เพราะไม่ต้องใช้ปริมาณมาก

 

จุดเด่นดังกล่าว ตลาดตอบรับอย่างดี  มีคำสั่งซื้อต่อเนื่อง แต่ในกระบวนการผลิตเห็นถึง Pain Point ที่ยังเป็นระบบ Manual ทำงานได้ช้า และสิ้นเปลืองพลังงานสูง ทำให้ต้องการหาสินเชื่อ เพื่อลงทุนเครื่องจักร  ซึ่งสินเชื่อ  “SME Green Productivity” จากSME D Bankมาช่วยตอบโจทย์ได้พอดี

“หลังจากลงทุนเครื่องจักรตัวนี้ ทำให้กำลังผลิตเราเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า อีกทั้ง เครื่องจักรตัวนี้ ยังช่วยให้สามารถพัฒนาสินค้าได้หลากหลาย  เช่น ทำเป็นกระดาษอเนกประสงค์  ซึ่งมีคู่แข่งขันในตลาดไม่มาก  นักทำให้เราหลีกหนีการแข่งขันได้”

 

การปรับตัวที่ผ่านมา ช่วยพลิกวิกฤตสร้างโอกาส ทำให้ปัจจุบัน คุณเสกสรร มีธุรกิจหลักถึง3กิจการ คือ โรงงานแปรรูปโลหะแมสค์ และกระดาษทิชชู่  สร้างรายได้ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ช่วยกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ และด้วยความพร้อมที่จะปรับตัวอยู่เสมอ  เอสเอ็มอีรายนี้ยังสามารถเติบโตต่อไปได้เสมอ