มธ.จับมือ สสส.แถลงความสำเร็จกิจกรรม TU Future Wellness Fit Journey : เส้นทางสายฟิต พิชิตสุขภาพดี โชว์ผลงานเฟสแรกมีผู้เข้าร่วมกว่า 100 คน

   เมื่อ : 16 ส.ค. 2568

มธ.จับมือ สสส.แถลงความสำเร็จกิจกรรม TU Future Wellness Fit Journey : เส้นทางสายฟิต พิชิตสุขภาพดี โชว์ผลงานเฟสแรกมีผู้เข้าร่วมกว่า 100 คน  ชี้! หลังจบกิจกรรมพฤติกรรมเปลี่ยนชัด ทั้งการออกกำลังกาย การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และการจัดสรรเวลาพักผ่อน พร้อมเดินหน้าขยายผล เป็นต้นแบบการสร้างเสริมสุขภาวะในสถานศึกษาและต่อยอดในระดับสังคม หนุนพลังนักศึกษาและเครือข่ายขับเคลื่อน “มหาวิทยาลัยสุขภาวะดีแห่งอนาคต” 
 

วันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 9.00 น. ณ โรงภาพยนตร์วารสารศาสตร์ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ศูนย์รังสิต  จ.ปทุมธานี  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงานแถลงข่าวภาพความสำเร็จกิจกรรม TU Future Wellness     Fit Journey : เส้นทางสายฟิต พิชิตสุขภาพดี  ภายใต้ “โครงการมหาวิทยาลัยสุขภาวะดีแห่งอนาคต”  ดึงพลังนักศึกษาและบุคลากรในสถาบันการศึกษาหันมาดูแลสุขภาพเชิงรุก ช่วยลดพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) และปัญหาสุขภาพจิตจากความเครียด  ด้วยการสร้างความรู้ความเข้าใจด้านสุขภาวะและการออกกำลังกาย โดยมี รองศาสตราจารย์ นายแพทย์พฤหัส ต่ออุดม รองอธิการบดีฝ่ายบริหารศูนย์สุขศาสตร์ ประธานกรรมการอำนวยการมหาวิทยาลัยสุขภาวะดีแห่งอนาคต พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธันยพร สุนทรธรรม หัวหน้าโครงการมหาวิทยาลัยสุขภาวะดีแห่งอนาคต  ร่วมในงาน

รองศาสตราจารย์ นายแพทย์พฤหัส ต่ออุดม รองอธิการบดีฝ่ายบริหารศูนย์สุขศาสตร์ ประธานกรรมการอำนวยการมหาวิทยาลัยสุขภาวะดีแห่งอนาคต กล่าวว่า จากการสำรวจที่ผ่านมาพบว่า  สุขภาวะของนักศึกษาและบุคลากรในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีแนวโน้มที่น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะเรื่องพฤติกรรมเนือยนิ่ง การใช้ชีวิตแบบนั่งติดหน้าจอ การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอและการบริโภคที่ไม่เหมาะสมซึ่งสะท้อนออกมาในข้อมูลสุขภาพของกลุ่มเป้าหมาย  โดยผลสำรวจของโครงการเมื่อปีที่ผ่านมาพบว่า กว่าร้อยละ 60 ของนักศึกษาและบุคลากรมีระดับกิจกรรมทางกายต่ำกว่าค่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลก ขณะที่อีกกว่าร้อยละ 40 มีความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และน้ำหนักเกิน ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนของระบบสุขภาพในรั้วมหาวิทยาลัยที่ต้องการการดูแลแก้ไขอย่างเป็นระบบ
 

ทั้งนี้คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มุ่งมั่นพัฒนาให้มหาวิทยาลัยเป็นมากกว่าสถานที่ผลิตความรู้ด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีเพื่อพัฒนาคนอย่างสมดุลรอบด้าน  เป็นที่มาของโครงการมหาวิทยาลัยสุขภาวะดีแห่งอนาคต  มีการวางระบบสนับสนุนสุขภาวะที่ยั่งยืนผ่านกิจกรรมหลากหลาย  หนึ่งในนั้นคือกิจกรรม  Fit Journey  ที่เน้นการดูแลสุขภาวะทางกายของนักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากร โดยมีนักวิทยาศาสตร์การกีฬา  จากคณะสหเวชศาสตร์  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  เข้ามาช่วยออกแบบโปรแกรมการ   ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นรายบุคคล  และมีนักโภชนาการของ Well Being Center      กองกิจการนักศึกษามาให้ความรู้เรื่องการวางแผนโภชนาการ  โดยมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เห็นพัฒนาการของตนเองและได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องตามหลักวิชาการอย่างเป็นระบบ  เชื่อมั่นว่าการส่งเสริมให้นักศึกษาและบุคลากรมีสุขภาวะที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจจะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมได้อย่างมีคุณภาพตามแนวทางที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ยึดมั่นเสมอมา

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธันยพร สุนทรธรรม หัวหน้าโครงการมหาวิทยาลัยสุขภาวะดีแห่งอนาคต กล่าวว่า โครงการมหาวิทยาลัยสุขภาวะดีแห่งอนาคต มุ่งส่งเสริมให้ธรรมศาสตร์เป็นมหาวิทยาลัยที่ดูแลคนอย่างรอบด้าน ทั้งนักศึกษา อาจารย์ และบุคลากรต่างเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศเดียวกัน  และสุขภาวะของแต่ละคนย่อมส่งผลต่อกันและกัน  กิจกรรม Fit Journey จึงเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีปัญหาสุขภาวะทางกายได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ ทั้งด้านการออกกำลังกาย  โภชนาการ  และพฤติกรรมสุขภาพ  ขณะเดียวกันผู้ที่ไม่มีปัญหาสุขภาพก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้เพื่อเรียนรู้วิธีดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับตนเอง  และต่อยอดองค์ความรู้ไปสู่บุคคลอื่นในครอบครัวหรือในหน่วยงานที่สังกัด  ถือเป็นการสร้าง ’เครือข่ายผู้นำสุขภาวะ’ ในระดับมหาวิทยาลัย  โดยเฟสแรกมีผู้สมัครเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 120 คน  และเต็มภายใน 1 วัน  ซึ่งสะท้อนว่าผู้คนกำลังมองหาพื้นที่และโอกาสในการดูแลสุขภาพของตนเองอย่างจริงจัง  ยิ่งไปกว่านั้นผู้เข้าร่วมทั้ง 120 คน ได้ให้ความร่วมมือทำกิจกรรมตั้งแต่ต้นจนจบในระยะเวลา 3 เดือน  และเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมอย่างชัดเจน  ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายสม่ำเสมอ  การเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ  หรือแม้แต่การจัดสรรเวลาพักผ่อนและลดพฤติกรรมเสี่ยง  ผ่านกิจกรรมจับกลุ่มผู้เข้าร่วมกิจกรรมกับผู้ดูแลสุขภาพ (Trainer) โดยมีการติดตามผลการปฏิบัติตามแผนสุขภาพอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ผ่านระบบออนไลน์  มีการบันทึกและประเมินข้อมูลสุขภาพเพื่อปรับแนวทางการดูแลสุขภาพรายบุคคลอย่างเหมาะสม

จากการติดตามประเมินผลกิจกรรมระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม ถึงวันที่  2 สิงหาคม พ.ศ. 2568 พบว่า ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด 120 คน  มีน้ำหนักเฉลี่ยก่อนเข้าร่วมกิจกรรม 75.02 กิโลกรัม  และมีน้ำหนักเฉลี่ยหลัง    เข้าร่วมกิจกรรม 73.87 กิโลกรัม  คิดเป็นน้ำหนักเฉลี่ยลดลง 1.15 กิโลกรัม  (ลดลงร้อยละ 1.50 โดยเฉลี่ย)  โดยสรุปภาพรวมหลังจบกิจกรรม  ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถลดน้ำหนักเฉลี่ยได้ในระดับปลอดภัยภายในระยะเวลา 11 สัปดาห์  หลายคนแม้น้ำหนักเปลี่ยนแปลงไม่มากแต่มีแนวโน้มพัฒนาอย่างต่อเนื่องคาดว่าอาจเกิดจากกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้น  ผลการประเมินยังระบุชัดว่ากิจกรรมนี้สามารถสร้างพฤติกรรมสุขภาพที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้    จากการช่วยเหลือของเทรนเนอร์ที่คอยแนะนำและติดตามผลอย่างใกล้ชิดเป็นรายสัปดาห์  

นางสาว ศศิร์อร เจือจันทร์  นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ ผู้เข้าร่วมกิจกรรม กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการเข้าร่วมโครงการนี้เพราะมีปัญหาน้ำหนักตัวเกินค่ามาตรฐาน และมีโรคประจำตัวคือภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ  ทำให้เหนื่อยง่าย  กังวลว่าออกกำลังกายหนักแล้วจะไม่ปลอดภัย  แต่การเข้าร่วมโครงการทำให้ได้เรียนรู้วิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้องโดยคำนึงถึงข้อจำกัดด้านสุขภาพร่างกายและได้เข้าใจวิธีเลือกรับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการนำไปปรับใช้ได้จริงไม่ยุ่งยาก  ที่ผ่านมาสามารถลดน้ำหนักได้ในระยะเวลา 1 เดือน  และคาดหวังว่าจะนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างต่อเนื่อง

นางสาว นฤภร ผลฉัตร  นักประชาสัมพันธ์  โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ  ผู้เข้าร่วมโครงการ   อีกท่านได้กล่าวถึงเหตุผลที่ตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง  เพราะรู้สึกว่าสมรรถภาพร่างกายเริ่มถดถอยลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น  ที่ผ่านมาพยายามออกกำลังกายด้วยตัวเองแต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะมีภาระงานและภารกิจส่วนตัวที่มากเป็นข้อจำกัด  แต่การได้เข้าร่วมโครงการโดยมีเทรนเนอร์คอยให้คำแนะนำช่วยให้จัดสรรเวลาทำงานและการมีกิจกรรมทางกายได้อย่างเหมาะสม  เป้าหมายที่แท้จริงไม่ใช่แค่ต้องการลดน้ำหนักแต่มุ่งหวังให้มีสุขภาพโดยรวมที่แข็งแรงมากขึ้นสามารถดูแลตัวเองได้อย่างต่อเนื่องตลอดไป  ทั้งนี้มองว่าโครงการนี้   ทำให้ทุกคนได้เล็งเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เห็นว่าการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อการมีสุขภาพดีเป็นสิ่งที่เป็นไปได้  โดยเริ่มจากการปรับที่ใจของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก

กิจกรรม TU Future Wellness Fit Journey : เส้นทางสายฟิต พิชิตสุขภาพดี ภายใต้โครงการมหาวิทยาลัยสุขภาวะดีแห่งอนาคต  เกิดขึ้นจากการสนับสนุนของสำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีพันธกิจหลักในการขับเคลื่อนสังคมไทยให้เป็นสังคมสุขภาวะ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคการศึกษาที่มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้การดูแลตนเองอย่างถูกต้อง การได้เข้ามาร่วมสนับสนุนโครงการมหาวิทยาลัยสุขภาวะดีแห่งอนาคตของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาการส่งเสริมสุขภาวะในมหาวิทยาลัยให้เป็นองค์กรสุขภาวะที่มีคุณภาพได้อย่างแท้จริง และคาดหวังว่ากิจกรรมนี้จะขยายผลออกไปเป็นต้นแบบของการสร้างเสริมสุขภาวะในสถาบันการศึกษาอื่นๆและต่อยอดไปยังสังคมในวงกว้างได้ต่อไป