“สมาคมธนาคารไทย” หนุนยกระดับการค้าไทย-ซาอุฯ ชู 2 โครงการเพิ่มศักยภาพแข่งขันผู้นำเข้า-ส่งออก ดันเศรษฐกิจเติบโต

   เมื่อ : 07 ก.ค. 2565

สมาคมธนาคารไทย ตอกย้ำบทบาทธนาคารพาณิชย์หนุนการค้าระหว่างประเทศ เดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล  ยกระดับธุรกรรมการค้าระหว่างไทย-ซาอุดิอาระเบีย ชู  “2 โครงการ” เพิ่มขีดความสามารถแข่งขันให้ธุรกิจ  นำเข้า-ส่งออกของไทย  
 

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย   เปิดเผยถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการทางการเงิน หรือ  Financial Facility & Service ในงานสัมมนา   “Thai-Saudi Business Forum” ซึ่งมีภาคธุรกิจไทยและซาอุดิอาระเบียเข้ารับฟังกว่า 200 คน  ณ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม เมื่อวันที่  6 กรกฎาคม 2565 ว่า ภาคธนาคารไทยให้ความสำคัญกับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล  เพื่อยกระดับการให้บริการเกี่ยวกับธุรกรรมการค้า ให้เกิดการเชื่อมโยงการเงินและการค้าแบบไร้รอยต่อ  เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง  โดยมีโครงการสำคัญ คือ 
 

1.โครงการ Smart Financial and Payment Infrastructure for Business  เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นด้านการเงินดิจิทัลแบบครบวงจรของประเทศ ทำให้เกิดเชื่อมโยงข้อมูลธุรกรรมการค้า การชำระเงิน และภาษีบนระบบออนไลน์  เปลี่ยนจากการค้าแบบใช้เอกสารกระดาษเป็นใช้ระบบดิจิทัล เช่น บริการ  e-Invoice  e-Tax Invoice และ e-Payment for Business เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกรรม  รวมทั้งเป็นการสร้าง Digital Footprint เพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของภาคธุรกิจด้วยต้นทุนที่เหมาะสม  นำทางไปสู่การพัฒนา Digital Supply Chain Financing  และการนำข้อมูลการค้าและการชำระเงินดิจิทัลมาใช้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการเงิน 
2.โครงการ National Digital Trade Platform (NDTP) เป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐและเอกชนในการพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการนำเข้าและส่งออกของประเทศ   โดยบูรณาการข้อมูลธุรกรรมที่เกี่ยวทั้งหมด นำ e-Document มาใช้เพื่อลดการใช้เอกสารที่เป็นกระดาษ เชื่อมต่อกับระบบ National Single Window (NSW) และแพลตฟอร์มการค้าต่างประเทศอื่นๆ  ซึ่งปัจจุบันเชื่อมต่อกับ แพลตฟอร์มการค้าของประเทศญี่ปุ่น และสิงคโปร์  และมีแผนที่จะเชื่อมต่อไปยังประเทศในยุโรป และตะวันออกกลางในอนาคต  เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้นำเข้าและส่งออก  เพิ่มประสิทธิภาพ ความโปร่งใส เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และสร้างโอกาสใหม่ๆในเวทีการค้าระหว่างประเทศให้กับผู้ประกอบการไทย 
 

ทั้งนี้  ปัจจุบันธนาคารพาณิชย์มีบทบาทสำคัญต่อการค้าระหว่างประเทศ มีบริการหลากหลาย ครอบคลุม ทั้งการโอนเงินระหว่างประเทศ  การเรียกเก็บเงิน, เอกสารยืนยันการชำระเงินในการซื้อขายสินค้า(Letter of Credit) และการจัดเตรียมเอกสาร เป็นต้น นอกจากนี้ ธนาคารยังมีช่องทางออนไลน์สำหรับทำธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศที่สะดวก ทั้งบริการสินเชื่อการค้าต่างประเทศ (Trade Finance)  และบริการด้านเอกสาร โดยในปี 2564 ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบมีธุรกรรมเงินตราต่างประเทศกับลูกค้าทั้งในไทยและในต่างประเทศกว่า   1.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ  แสดงให้เห็นว่าเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูง  โดยเป็นธุรกรรมของธนาคารพาณิชย์ในไทยสูงถึง 65%  เป็นธุรกรรมของสาขาของธนาคารต่างประเทศ 35% ของจำนวนธุรกรรมทั้งหมด สะท้อนถึงบทบาทที่สำคัญต่อธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ 
 

นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์ของไทย เป็นผู้เล่นหลักในระบบการเงินของไทย  มีสินทรัพย์รวมคิดเป็น 92% ของสินทรัพย์รวมของระบบธนาคาร   โดยธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 6 อันดับแรกของไทยมีสินทรัพย์รวมกัน 537 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 79% ของทั้งระบบ  ธนาคารไทยมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง เห็นได้จาก Credit Rating ของธนาคารขนาดใหญ่ 6 อันดับแรกในไทยได้รับ Credit Rating ในกลุ่มระดับลงทุน (Investment Grade) จาก 3 หน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำ “ระบบธนาคารพาณิชย์ รวมถึงระเบียบกฎเกณฑ์ของไทย เอื้อต่อการทำการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น  โดยที่ผ่านมาประเทศไทยได้ปรับปรุงกฎระเบียบ เพื่อเปิดกว้างสำหรับการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ ไม่จำกัดเฉพาะธุรกรรมที่เกี่ยวกับการป้องกันความเสี่ยง (hedging)  อีกทั้งกฎระเบียบใหม่ยังอนุญาตให้บริษัทสามารถทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศได้โดยใช้เอกสารประกอบน้อยลง  ซึ่งเชื่อว่าจะสนับสนุนให้การค้าระหว่างไทย-ซาอุฯให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต”