ซีคอม (SECOM) เปิดตัว Smart Security ระบบรักษาความปลอดภัยครบวงจร พร้อมโซลูชันใหม่เพื่อการดูแลผู้สูงวัยภายในบ้าน

   เมื่อ : 26 มี.ค. 2567

SECOM ผู้ให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยอันดับหนึ่งจากประเทศญี่ปุ่น เปิดตัวระบบรักษาความปลอดภัย SECOM Smart Security ตอบรับตลาดรักษาความปลอดภัยสำหรับที่อยู่อาศัยและธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่อง จากสังคมเมืองขยายตัว สู่วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป และความกังวลต่ออาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น ชูจุดขายระบบความปลอดภัยที่เป็นมากกว่ากล้องวงจรปิดทั่วไป ด้วยบริการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประสานขอความช่วยเหลือโดยศูนย์ควบคุมของ SECOM เตรียมรุกตลาด Aging Society ด้วยโซลูชันใหม่ Smart Security Care เพื่อการดูแลผู้สูงวัยภายในบ้าน เหมาะสำหรับคนวัยทำงานที่ไม่ได้อาศัยอยู่กับคุณพ่อคุณแม่แต่ยังมีความกังวัลใจที่อยากจะดูแลคนที่เรารักได้ทุกเมื่อ ซึ่งเป็นบริการที่มุ่งเน้นให้ครอบครัวได้ใกล้ชิดและสานสัมพันธ์กันมากขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน

นายเคตะ เอกาชิระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รักษาความปลอดภัย ไทยซีคอม จำกัด กล่าวว่าSECOM คือ ผู้ให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยอันดับหนึ่งจากประเทศญี่ปุ่น มีบริษัทในเครือและกิจการสาขาต่างประเทศ 17 ประเทศและดินแดน ดำเนินธุรกิจด้านการให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยและโซลูชันครบวงจร (รวมถึงธุรกิจอื่น) ที่ช่วยมอบความปลอดภัยในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น สนามบิน โรงงานอุตสาหกรรม กิจการห้างร้าน รวมไปถึงที่พักอาศัย และได้เริ่มเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2530 ปัจจุบันมีศูนย์บริการมากกว่า 50 สาขา

 

ตลาดระบบรักษาความปลอดภัยในไทยเติบโต SECOM แข็งแกร่งด้วยคุณภาพการให้บริการจากญี่ปุ่น

นายสุกษม ช่วงโชติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท รักษาความปลอดภัย ไทยซีคอม จำกัด กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจรักษาความปลอดภัยในประเทศไทยว่า “ความโดดเด่นของตลาดนี้ในประเทศไทย คือ ผู้บริโภคมีการตื่นตัว และใช้กล้องวงจรปิด (CCTV) อย่างแพร่หลาย ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค ASEAN ที่มีการใช้กล้องวงจรปิดและระบบสัญญาณเตือนภัย (Alarm System) เป็นโซลูชันด้านการรักษาความปลอดภัยเป็นหลัก สำหรับตลาดระบบรักษาความปลอดภัยในประเทศไทย คาดว่าจะเติบโตได้ดีในอนาคต โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเติบโต ได้แก่ การขยายตัวของเมือง เนื่องจากผู้คนอาศัยอยู่ในเมืองมากขึ้น ความต้องการต่อระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับที่อยู่อาศัยและธุรกิจจึงเพิ่มมากขึ้น วิถีชีวิตของคนไทยที่เปลี่ยนไป ครอบครัวที่มีขนาดเล็กลง ส่งผลให้มีคนดูแลบ้านน้อยลง ความต้องการระบบรักษาความปลอดภัยจึงเพิ่มมากขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้คนมีแนวโน้มที่จะลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อปกป้องตนเองและทรัพย์สินของพวกเขา เทคโนโลยีเกิดใหม่ เช่น AI และ IoT ที่ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยมีประสิทธิภาพและสามารถใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้น ช่วยขับเคลื่อนความต้องการต่อผลิตภัณฑ์เหล่านี้

ในฐานะผู้ให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยในประเทศไทย เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถมอบความอุ่นใจให้กับคนไทยได้มากขึ้น โดย SECOM ได้นำเสนอโซลูชันความปลอดภัยแบบครบวงจรไม่ว่าจะเป็น กล้องวงจรปิด ระบบสัญญาณเตือนภัย ระบบควบคุมการเข้า-ออก (Access Control) และอื่น ๆ โดย SECOM มีประสบการณ์ด้านการให้บริการสัญญาณเตือนภัย พร้อมด้วยทีมงานมืออาชีพ ในส่วนของระบบสัญญาณเตือนภัยแบบออนไลน์ (Online Security System) นั้น เป็นโซลูชันความปลอดภัยที่ SECOM ได้รับความนิยม และมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา SECOM ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย ด้วยความเชื่อมั่นใน แบรนด์ SECOM จากประเทศญี่ปุ่น ทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยีที่มีความทันสมัย ง่ายต่อการใช้งาน และราคาที่คุ้มค่า โดยมีแพ็คเกจหลากหลายให้เลือกสรร ตอบโจทย์ทุกความต้องการและงบประมาณของลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างเหมาะสม ทำให้ในปี 2566 ที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลัก (Double Digit) ทั้งจำนวนผู้ใช้ใหม่ และยอดขายทั้งหมด โดยมียอดขายในปี 2566 สูงที่สุดในรอบห้าปีที่ผ่านมา”

 

เปิดตัว Smart Security สำหรับธุรกิจและที่พักอาศัย ชูโซลูชันอัจฉริยะครบวงจร

นายเอกรัฐ วิภาณุรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักกรรมการ บริษัท รักษาความปลอดภัย ไทยซีคอม จำกัด เปิดเผยว่า “ในช่วงที่ผ่านมา SECOM ได้เปิดตัว Smart Security โซลูชันความปลอดภัยอัจฉริยะครบวงจรที่ออกแบบได้ตามความต้องการของลูกค้า ใช้งานง่ายเหมาะสำหรับลูกค้าทุกประเภท ตั้งแต่บ้านพักอาศัย (Home) ไปจนถึงธุรกิจ (Business) ขนาดเล็กและขนาดกลาง ด้วยเซนเซอร์คุณภาพสูงและประสิทธิภาพของระบบวิเคราะห์ภาพอัจฉริยะ (Smart Video) ที่หลากหลาย ระบบสามารถตรวจจับความผิดปกติต่าง ๆ และแจ้งเตือนลูกค้าบนสมาร์ทโฟนได้ทันที ช่วยให้ลูกค้าได้เห็นถึงเหตุผิดปกติที่เกิดขึ้นและสามารถจัดการกับเหตุการณ์เหล่านั้นได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ SECOM Smart Security ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถควบคุมร้านค้าผ่านสมาร์ทโฟนได้สะดวก อาทิ การสั่งเปิด-ปิดร้าน การควบคุมแสงสว่าง และการปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ และยังสามารถควบคุมร้านค้าหลายแห่งได้ในแพลตฟอร์มเดียว รวมถึงการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าภายในร้านค้าผ่านฟีเจอร์ Business Activity Analytics ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปปรับปรุงการดำเนินงานของธุรกิจให้ดีขึ้น โดยข้อมูลทั้งหมดถูกจัดเก็บบนคลาวด์ (Cloud Storage) ที่มีความปลอดภัยสูง

ปัจจุบัน SECOM มีฐานลูกค้าองค์กร (B2B) ที่แข็งแกร่ง และยังคงได้รับการตอบรับที่ดีทำให้จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากการที่เราได้เปิดตัวทำตลาด Smart Security มาได้สักระยะหนึ่ง ทำให้เราสามารถขยายตลาดลูกค้าทั่วไป (B2C) ได้มากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ”

 

รุกตลาดสังคมสูงวัยด้วย Smart Security Care เจาะกลุ่มคนทำงานที่ต้องดูแลผู้สูงวัยภายในบ้าน

ด้วยเสียงตอบรับอย่างอบอุ่นจากการเริ่มให้บริการ Smart Security ทำให้บริษัทฯ เดินหน้านำเสนอบริการใหม่ Smart Security Care ระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับดูแลผู้สูงวัยภายในบ้าน สอดรับกับสถานการณ์ของประเทศไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว ตามข้อมูลของกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณ สิ้นปีพ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 13 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด โดยในจำนวนนี้ ร้อยละ 10 เป็นผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่เพียงลำพัง และอีกร้อยละ 4.6 เป็นผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่ด้วยกันดูแลซึ่งกันและกัน 

 

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ