SCB 10X เปิดเวที Virtual Summit “REDeFiNE TOMORROW 2022” ปีที่ 3

   เมื่อ : 30 มิ.ย. 2565

ขนทัพสุดยอดกูรูด้าน DeFi และ Web 3.0 ระดับโลกมาให้ความรู้และชี้โอกาสในการเติบโตเกี่ยวกับDeFi และ Web 3.0 ในช่วงตลาดผันผวน 

 

เอสซีบี เท็นเอกซ์ (SCB 10X) บริษัทภายใต้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ เตรียมพร้อมปูพรมให้ความรู้ โลกการเงินยุคใหม่และเทคโนโลยีแห่งอนาคต ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ผ่านเวทีสัมมนาระดับโลกในรูปแบบออนไลน์ “REDeFiNE Tomorrow 2022 : DeFi & Web 3.0 Virtual Summit” ที่ได้รวบรวมองค์ความรู้ด้าน Decentralized Finance (DeFi) และ Web 3.0 อย่างเข้มข้น ขนทัพกูรูแถวหน้าระดับโลกที่คร่ำหวอดในวงการ DeFi และผู้นำนวัตกรรมด้าน Web 3.0 ที่มีชื่อเสียงมากมาย ร่วมเจาะลึกทุกประเด็นสำคัญ ครอบคลุมทุกแง่มุมทิศทางโลกการเงินไร้ศูนย์กลาง และโอกาสจาก Web 3.0 ในอนาคต แลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรงที่เคยเผชิญกับวัฏจักรเศรษฐกิจต่างๆ พร้อมหารือการปรับตัวในช่วงตลาดขาลง หรือ “ตลาดหมี” (Bear Market) เพื่อเตรียมพร้อมวางกลยุทธ์บริหารความเสี่ยงและแสวงหาโอกาสใหม่ๆในช่วงตลาดผันผวนได้อย่างทันท่วงที  ผู้ที่สนใจทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกสามารถร่วมเข้าฟังได้ฟรี! ในวันที่ 21 – 22 กรกฎาคม 2565

 

นางมุขยา พานิช (ใต้) Chief Venture and Investment Officer บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB 10X) กล่าวว่า “SCB 10X เล็งเห็นว่าในช่วงตลาดขาลง หรือ “ตลาดหมี” นั้นเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ Decentralized Finance (DeFi) และ Web 3.0 ที่จะมุ่งเน้นการพัฒนาและขยายระบบนิเวศ (Ecosystem) รวมถึงเตรียมความพร้อมเพื่อปูทางสู่นวัตกรรมการเงินแห่งโลกอนาคต DeFi และ Web 3.0 นั้นจึงถูกคาดการณ์ว่าจะมีการพัฒนาต่อยอด ทำให้เกิดโอกาสใหม่ๆขึ้นมากมายอย่างมีนัยสำคัญ เรารู้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างยิ่งในการจัดงานสัมมนา “REDeFiNE Tomorrow 2022 : DeFi & Web 3.0 Virtual Summit” ขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 21 – 22 กรกฎาคม 2565 เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจในโลกการเงินแห่งอนาคต พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ รับฟังคำแนะนำจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญชั้นนำระดับโลก เพื่อเตรียมความพร้อมกับภาวะความผันผวนของตลาดในขณะนี้”

 

โดยปีนี้นับเป็นปีแห่งความท้าทายของตลาด DeFi  เห็นได้จากมูลค่าของสินทรัพย์ (Total Value Locked (TVL)) ที่ตกลงถึง 60% จากประมาณ 250 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนธันวาคม 2564 เป็น 70 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน 2565 ซึ่งเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น ปัญหาของเศรษฐศาสตร์      มหภาคทั่วโลก และตลาดคริปโตเคอร์เรนซีที่ผันผวน อย่างไรก็ตามการเติบโตของปริมาณมูลค่าของสินทรัพย์ใน DeFi นั้นมีการเติบโตมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่งด้วย Use-Case ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องที่เห็นได้ในปัจจุบัน

 

 

วิทยากรที่น่าสนใจในงาน “REDeFiNE Tomorrow 2022 : DeFi & Web 3.0 Virtual Summit” ได้แก่

●        ไมเคิล อาร์ริงตัน (Michael Arrington), ผู้ก่อตั้ง Arrington Capital, บริษัทจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน

●        จอห์น วู (John Wu) ประธานกรรมการ Ava Labs, Avalanche, บล็อกเชน Layer 1 ที่มีความรวดเร็ว ความเสถียร และมีความปลอดภัยสูง โดยผู้พัฒนาสามารถสร้างบล็อกเชนเครือข่ายย่อยภายใต้ Avalanche ได้

●        โรเบิร์ต เลชเนอร์ (Robert Leshner) ผู้ก่อตั้ง และ CEO แห่ง Compound,  แพลตฟอร์ม Decentralized Finance (DeFi) ที่ให้บริการระบบกู้ยืมแก่นักลงทุน 

●        เวย์น ฉาง (Wayne Chang) ผู้ร่วมก่อตั้ง และ CEO แห่ง Spruce Systems, บริษัทสตาร์ทอัพผู้ให้บริการพิสูจน์และยืนยันตัวตนแบบกระจายศูนย์บนโลกดิจิทัล (Decentralized Identity) ที่ให้บริการแบบครบวงจร (End-To-End) บนบล็อกเชน และสามารถรองรับการใช้งานได้หลาย Chain (Multichain)

●   สตีเวน โกลด์เฟเดอร์ (Steven Goldfeder) ผู้ร่วมก่อตั้ง และ CEO แห่ง Offchain Labs และ Arbitrum, โดย Arbitrum ถูกสร้างขึ้นโดย Offchain Labs เป็นบล็อกเชน Layer 2 พัฒนาขึ้นมาเพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงาน Smart Contract บนบล็อกเชนของ Ethereum ทำให้ธุรกรรมมีความรวดเร็วและประหยัดค่าธรรมเนียม

●        ดิโอโก้ โมนิก้า (Diogo Monica), ประธานกรรมการ และผู้ร่วมก่อตั้ง Anchorage, แพลตฟอร์มรับฝากสกุลเงินดิจิทัลแก่นักลงทุนสถาบันที่ได้รับใบอนุญาตแห่งแรกของสหรัฐอเมริกา

●   ซันนี่ อาการ์วาล (Sunny Aggarwal) ผู้ร่วมก่อตั้ง Osmosis Labs, ระบบตลาดแลกเปลี่ยนแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Exchange, DEX) และศูนย์กลางสภาพคล่องอัตโนมัติ (Automated Market Maker, AMM) ที่ใหญ่ที่สุดในในระบบนิเวศของ Cosmos Blockchain

●        สตีเฟน เฮส (Stephen Hess) CEO แห่ง Metaplex Studios, แพลตฟอร์มซื้อขายผลงานดิจิทัล หรือ NFT Marketplace ที่พัฒนาบน Solana Blockchain

●   อเล็กซ์ สวาเนวิก (Alex Svanevik) ผู้ร่วมก่อตั้ง และ CEO แห่ง Nansen, แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลบนระบบบล็อกเชนที่สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมแบบ On-Chain จากฐานข้อมูลบน Blockchain  ช่วยให้ผู้ใช้บริการและนักลงทุนสามารถใช้ข้อมูลจาก Nansen เพื่อวิเคราะห์และสร้างโอกาสในการลงทุนได้

●        ไมเคิล ชอลอฟ (Michael Shaulov) ผู้ร่วมก่อตั้ง และ CEO แห่ง Fireblocks, แพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัยระดับนักลงทุนสถาบัน (Institutional-grade custody) ที่ให้บริการดูแลความปลอดภัยด้านโครงสร้างพื้นฐานในการเคลื่อนย้ายและจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านโครงสร้างเทคโนโลยี MPC-CMP based wallet และเครือข่าย Whitelisted Wallet ของคู่สัญญาที่ได้รับการรับรอง

●        เคน วอริก (Kain Warwick) ผู้ก่อตั้ง Synthetix, แพลตฟอร์ม DeFi ที่ผู้ใช้สามารถซื้อขายตราสารอนุพันธ์ (Derivative) บนบล็อกเชน ที่อิงราคาจากตราสารอนุพันธ์ที่ซื้อขายกันจริงในตลาดโลก โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางและไม่ต้องถืออนุพันธ์จริงๆ

●        เจเรมี อัลแลร์ (Jeremy Allaire) ผู้ร่วมก่อตั้ง และ Chairman และ CEO แห่ง Circle, บริษัทผู้ออกเหรียญ USDC ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าผูกอยู่กับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในอัตราแลกเปลี่ยนที่ 1:1 หรือเรียกว่า Stablecoin โดยผู้ใช้งานสามารถใช้ USDC ในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลหรือซื้อขายสินค้า

●        ซานดีป เนลวัล (Sandeep Nailwal) ผู้ร่วมก่อตั้ง และ COO แห่ง Polygon, บล็อกเชน Layer 2 พัฒนาขึ้นมาเพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานของ Ethereum Blockchain โดยประมวลผลธุรกรรมด้วยวิธี Proof of Stake ทำให้ธุรกรรมมีความรวดเร็วและประหยัดค่าธรรมเนียม

●        คอนสแตนติน ลูมาชุก (Konstantin Lomashuk) ผู้ร่วมก่อตั้ง Lido, แพลตฟอร์ม Liquid Staking Pool ที่แก้ปัญหาสภาพคล่องของการ Proof of Stake โดยผู้ใช้งานรายย่อยสามารถ Stake และเป็น Validator ได้

●        ไมเคิล อีโกรอฟ (Michael Egorov) ผู้ก่อตั้ง และ CEO แห่ง Curve.fi, แพลตฟอร์ม Decentralized Exchange (DEX) ที่ออกแบบมาสำหรับ Stablecoin มากกว่า 10 เครือข่ายบล็อกเชน

●        ชิติ รัสโตจิ มังกานี (Shiti Rastogi Manghani) Chief Marketing Office แห่ง STEPN, ไลฟ์สไตล์แพลตฟอร์ม Move-to-earn บน Solana Blockchain ที่นำ SOCIAL-FI และ GAME-FI มาไว้ด้วยกัน ผู้ใช้งานสามารถได้รับผลตอบแทนเป็น Token จากการออกกำลังกายด้วยการเดินหรือวิ่ง

●        ฟรานเชสโก้ จอร์จ เรนซี (Francesco George Renzi) ผู้ร่วมก่อตั้ง และ CEO แห่ง Superfluid, Protocol ให้บริการด้านธุรกรรมคริปโตเคอร์เรนซีแบบอัตโนมัติ เช่น การโอนกระแสเงินสดเพื่อจ่ายเงินเดือนตามเวลาที่กำหนดโดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถโอนเงินตามเวลาอย่างต่อเนื่อง

●   ทชา ปัญญาเนรมิตดี (Tascha Punyaneramitdee) ผู้ร่วมก่อตั้ง และ CEO แห่ง Alpha Venture DAO, เป็นองค์กรอิสระแบบกระจายอำนาจ (Decentralized Autonomous Organization, DAO) ที่เป็นศูนย์รวมแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency ที่เปิดให้ผู้ใช้งานเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา และนำเสนอแนวทางในการพัฒนาแอปพลิเคชัน ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างระบบนิเวศของ Web 3.0 

●        ลอย ลู่ (Loi Luu) ผู้ร่วมก่อตั้ง และ CEO แห่ง Kyber Network, แพลตฟอร์ม Decentralized Exchange (DEX) และศูนย์กลางสภาพคล่องอัตโนมัติ (AMM) บนบล็อกเชน ที่เชื่อมสภาพคล่องจากแหล่งต่างๆ เพื่อให้นักลงทุนสามารถแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลในราคาที่ดีที่สุด

●        เบริล ลี (Beryl Li) ผู้ร่วมก่อตั้ง Yield Guild Games (YGG), เป็นองค์กรอิสระแบบกระจายอำนาจ (DAO) ที่ลงทุนใน Non-Fungible Token (NFTs) ของ Games ต่างๆบนบล็อกเชนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจเสมือนจริงและเพิ่มประสิทธิภาพของสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์ใช้สอยสูงสุด รวมถึงมีการแบ่งปันรายได้กับสมาชิก

●        ไมเคิล โกรนาเกอร์ (Michael Gronager) ผู้ร่วมก่อตั้ง และ CEO แห่ง Chainalysis, บริษัทวิเคราะห์เทคโนโลยีบล็อกเชน ที่พัฒนาเครื่องมือและให้บริการตรวจสอบ คัดกรอง และติดตามธุรกรรมคริปโตเคอร์เรนซีที่ผิดกฎหมาย แก่หน่วยงานภาครัฐ สถาบันการเงิน ประกันภัย และบริษัทรักษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ กว่า 70 ประเทศทั่วโลก

●   แอนทอน แคทซ์ (Anton Katz) ผู้ร่วมก่อตั้ง และ CEOแห่ง Talos, บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้ลูกค้านักลงทุนสถาบันในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกและสามารถช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกรรมแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบ

●        ทารูน ชิทรา (Tarun Chitra), ผู้ร่วมก่อตั้ง และ CEO แห่ง Gauntlet, แพลตฟอร์มที่จำลอง Financial และ Risk Modeling สำหรับ DeFi Protocol บนบล็อกเชน ช่วยให้นักพัฒนา สามารถจำลองการทำงานของ Protocol เพื่อลดความเสี่ยงในทุกช่วงสภาวะตลาด

●        เซอร์เกย์ กอร์บูนอฟ (Sergey Gorbunov) ผู้ร่วมก่อตั้ง และ CEO แห่ง Axelar, เครือข่ายกระจายอำนาจที่เชื่อมต่อแต่ละบล็อกเชน ทำให้การสื่อสารและการทำงานร่วมกันระหว่างบล็อกเชนทำได้ง่ายขึ้น

●        0xMaki Core Team แห่ง LayerZero, interoperability protocol ที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อบล็อกเชนที่แตกต่างกัน โดยการใช้งาน Oracle ที่กระจายศูนย์ เพื่อความเร็ว ความปลอดภัย และความประหยัดต้นทุน และเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Aura Finance, โปรโตคอลที่สร้างขึ้นบน Balancer Protocol ให้ผลตอบแทนแก่ผู้ให้บริการสภาพคล่อง และผู้ที่ Stake เหรียญ BAL

●        ไวยภาพ ไสนี หรือ วาซ่า (Vaibhav Saini or Vasa), Lead Developer แห่ง GEM.xyz, แพลตฟอร์มที่รวบรวมตลาดซื้อขาย NFT (NFT Marketplace Aggregator) ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาและซื้อขาย NFT ได้จากทุกตลาด โดยช่วยประหยัดค่าธรรมเนียม และรวบรวมข้อมูลจากทุกตลาด NFT เข้าไว้ในแพลตฟอร์มเดียว

●        เซบาสเตียน บอร์เกต์ (Sébastien Borget) ผู้ร่วมก่อตั้ง และ COO แห่ง The Sandbox, แพลตฟอร์มโลกเสมือนที่ผู้เข้าร่วมสามารถสร้างและเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลรวมถึง NFT เและสามารถสร้างรายได้จากสินทรัพย์ใน The Sandbox Metaverse 

●        เจสัน ชอย (Jason Choi) นักลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี และผู้จัด Podcast รายการ “The Blockcrunch”

●        ดาไรอัส ซิต (Darius Sit) ผู้ร่วมก่อตั้ง และ CIO แห่ง QCP Capital, บริษัทผู้ให้บริการการลงทุนซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแก่นักลงทุนสถาบันแบบครบวงจร

●        ฟิลลิป กิลเลสพี (Phillip Gillespie) Group CEO แห่ง B2C2 และ CEO แห่ง B2C2 ประเทศญี่ปุ่นบริษัทผู้ให้บริการสภาพคล่องทางการเงินสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแก่นักลงทุนสถาบัน

●        คริสเตียน เซย์เฟิร์ต (Christian Seifert) Head of Research แห่ง Forta, เครือข่ายตรวจจับ รักษาความปลอดภัย และตรวจสอบการปฏิบัติงานของกิจกรรมบนระบบบล็อกเชนแบบเรียลไทม์

●   นิโคส อันดริโกเจียนโนปูลอส (Nikos Andrikogiannopoulos) ผู้ก่อตั้ง และ CEO แห่ง Metrika, ผู้ให้บริการ software-as-a-service (SaaS) ที่ช่วยในการวิคราะห์ข้อมูลการทำงานของ blockchain applications, nodes, และ protocols ต่างๆ พัฒนาขึ้นสำหรับคอมมูนิตี้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการปฏิบัติงาน และติดตามการทำงานของระบบได้ใน real-time

●        เรเน่ ไรน์สเบิร์ก (Rene Reinsberg) ผู้ก่อตั้ง และ CEO แห่ง Celo, องค์กรไม่แสวงผลกำไร ที่ต้องการให้การใช้งานแพลตฟอร์ม DeFi สามารถใช้งานได้ผ่านโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว เพื่อเป็นการทำลายข้อจำกัดเรื่องการเข้าถึง DeFi ในยุคปัจจุบันที่ใช้งานได้ผ่านคอมพิวเตอร์เป็นหลัก

●        ลุค เวเบอร์ (Luuk Weber) ผู้ก่อตั้ง Kolektivo, องค์กรไม่แสวงผลกำไร ที่ช่วยเหลือชุมชนให้สามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างรายได้และพัฒนาเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ระดับท้องถิ่น

●        แอชลี่ เทย์เลอร์ บัค (Ashley Taylor Buck) ผู้ร่วมก่อตั้ง และ Strategy แห่ง ReSource Network, แพลตฟอร์มบริการสินเชื่อธุรกิจแบบกระจายอำนาจ โดยใช้สินค้าหรือบริการมาค้ำประกัน

●        เคร็ก วิลสัน (Craig Wilson) Lead แห่ง Climate Collective, การรวมตัวของกลุ่มบริษัทที่มีความสนใจด้าน Regenerative Finance (“ReFi”) ที่สนับสนุนการแปลงสินทรัพย์ทางธรรมชาติให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล (Tokenization of natural assets) เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของชุมชน

●        พอล วีระดิษฐกิจ (Paul Veradittakit) Partner แห่ง Pantera Capital, ธุรกิจเงินร่วมลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลและบริษัทบล็อกเชนทั่วโลก ตั้งขึ้นในปี 2013

●   มาเทียส อิมบาค์ก (Mathias Imbach) ผู้ร่วมก่อตั้ง และ Group CEO แห่ง Sygnum ธนาคารสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกของโลก ก่อตั้งขึ้นในสวิตเซอร์แลนด์และสิงคโปร์ ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อรองรับการเติบโตของ Web 3.0 แก่นักลงทุนสถาบันทั่วโลก

●        สตานี คูเลชอฟ (Stani Kulechov)  ผู้ก่อตั้ง และ CEO แห่ง AAVE, แพลตฟอร์มบริการให้กู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลแบบกระจายอำนาจ ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานปล่อยกู้ ยืม และรับดอกเบี้ยในสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

●        ลูคัส ชอร์ (Lukas Schor) ผู้ร่วมก่อตั้ง Gnosis Safe และ Safe Ecosystem Foundation, แพลตฟอร์มผู้ให้บริการด้านการบริหารกระเป๋าเก็บสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมี DAO เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

●   อนาโทลี่ ยาโคเวนโก้ (Anatoly Yakovenko) ผู้ร่วมก่อตั้ง และCEO แห่ง Solana, บล็อกเชน Layer 1 ซึ่งโดดเด่นในด้านความเร็วของการทำธุรกรรม และค่าธรรมเนียมที่ประหยัด

 

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าร่วมรับชม “REDeFiNE Tomorrow 2022 : DeFi & Web 3.0 Virtual Summit” โดยไม่มีค่าใช้จ่ายและดูรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ https://scb10x.com/  และเข้าลงทะเบียนร่วมงานได้ที่https://www.zipeventapp.com/e/REDEFINE-TOMORROW-2022