LIV-24 กวาดรายได้ 10 เดือนแรก โต 118% ทะลุเป้าปี 66 ตอกย้ำผู้นำโซลูชั่นด้านความปลอดภัยอัจฉริยะ
LIV-24 โชว์ผลประกอบการธุรกิจให้บริการเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะแบบครบวงจร ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 กวาดรายได้กว่า 51 ล้านบาท เติบโตขึ้น 118% ทะลุเป้าของทั้งปี พร้อมชูกลยุทธ์ปี 2567 มุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า ทั้งโครงการที่พักอาศัยและโครงการเพื่อการพาณิชย์บุกกลุ่มลูกค้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมมากขึ้น
นางสาวนิรมล ดิเรกมหามงคล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่าย LIV-24 Living Technology บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานของ LIV-24 ที่ให้บริการด้านเทคโนโลยีดูแลความปลอดภัยอัจฉริยะและจัดการระบบวิศวกรรมอาคารเต็มรูปแบบ ปีนี้ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้ามากกว่า 130 โครงการ ส่งผลทำให้รายได้ในปี 66 ช่วง 10 เดือนแรก สร้างรายได้กว่า 51 ล้านบาทจาก ปี 65 ที่มีรายได้ 23 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 118% (YOY) โตเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ รวมทั้งในปี 2567 LIV-24 ยังคงเดินหน้าเปิดเกมรุกชูกลยุทธ์ ความเป็น “UNITED POWER 24/7 PROTECTION FOR THE FUTURE OF SECURITY TECHNOLOGY” สะท้อนความเป็นผู้นำและความเชี่ยวชาญระบบรักษาความปลอดภัยด้วย AI ผสานประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ ในการจัดการระบบวิศวกรรมอาคารเต็มรูปแบบ เรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง”
โดย LIV-24 มีการพัฒนาเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่องใน 2 ส่วนหลักคือ 1. ด้าน Security Tech ด้วยความอัจฉริยะของระบบ AI CCTV Analytics ที่สั่งสมประสบการณ์มากว่า 5 ปี จน AI ถูกพัฒนาให้เรียนรู้จากเคสและเพิ่มศักยภาพความฉลาดมากขึ้น โดยที่ผ่านมาสามารถตรวจจับความผิดปกติ (Incident Detection) มากถึง 500000 ครั้ง และ LIV-24 ช่วยป้องกันการเกิดเหตุจากการทำงานผิดปกติ ของระบบวิศวกรรมในอาคารมากกว่า 10000 ครั้ง อาทิ ไฟฟ้าลัดวงจรจนเกิดเหตุลุกลามเป็นไฟไหม้ ลิฟท์ค้าง ตรวจจับระบบวิศวกรรมอาคารผิดปกติ รวมถึงป้องกันความปลออดภัยจากสัตว์มีพิษเข้ามาในโครงการ การบุกรุกจากบุคคลต้องสงสัย และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่เสี่ยง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการดูแลความปลอดภัย ล่าสุดได้ทำการ Upgrade ระบบ Visitor Management System (VMS) ที่ใช้ในการตรวจสอบยานพาหนะที่เข้ามาในพื้นที่โครงการ โดยมีระบบอ่านป้ายทะเบียน (License Plate Recognition) ที่นำ AI เข้ามาใช้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านอุปกรณ์ในการสแกนเข้าออกได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับระบบเดิมอย่างระบบ Keycard RFID ทำให้การลงทุนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น (effective Investment) รวมถึงเปิดช่องทางการลงทะเบียนเข้าโครงการล่วงหน้า E-Stamp และชำระค่าที่จอดรถได้ผ่าน Line Application เพื่อเพิ่มความสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น 2. ด้าน Building Automation System (BAS) มีการพัฒนาเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์การใช้อาคารสูง จากการศึกษาข้อมูลของพลัสฯ พบว่ามีอาคารในประเทศไทยที่ทำการติดตั้งระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire Alarm System) ตามกฎหมาย พบว่าอาคารส่วนใหญ่ทำการติดตั้งระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ระบบ Conventional System ที่มีการแจ้งเตือนแต่ไม่สามารถระบุจุดเกิดเหตุได้ จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังประจำจุด ใช้เวลาในการค้นหาจุดเกิดเหตุจริงและประสานงานระงับเหตุ รองลงมาเป็นระบบ Addressable System ที่สามารถระบุจุดเกิดเหตุได้ แต่ยังต้องมีเจ้าหน้าเฝ้าระวังประจำจุดตลอดเวลา เพื่อประสานงานระงับเหตุได้อย่างทันท่วงที และมีอาคารเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีการติดตั้งระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ระบบ Wireless System ที่สามารถ Monitor เหตุได้แบบ Real Time 24 ชั่วโมง โดยสามารถเชื่อมต่อการทำงานเข้าศูนย์ Command Center ทำให้รับรู้เหตุการณ์และแจ้งระงับเหตุเพลิงไหม้ได้รวดเร็วมากที่สุด ทำให้ลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
พลัสฯ เห็นโอกาสของตลาดในการดูระบบต่างๆ ภายในอาคารแบบ Centralise Monitoring จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด “IoT Edge Series” ที่วิจัยและพัฒนาโดยฝ่าย IoT ของ LIV-24 ซึ่งจะมาแก้ไขข้อจำกัดต่างๆ โดย IoT เข้ามาดูแลและบริหารจัดการระบบต่างๆ เช่น Fire Alarm และ Building Management ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายของตัวอุปกรณ์ ลดขนาดและพื้นที่ในการติดตั้ง รวมไปถึงลดระยะเวลาในการติดตั้ง ทำให้สามารถตรวจสอบและแก้ไขปัญหาของระบบด้วยการทำงานระยะไกล ด้วย LIV-24 มี Command Center ระบบส่วนกลางที่ออกแบบและพัฒนาไว้อย่างครอบคลุมทุกระบบ พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญจาก LIV-24 จะประสานงานเจ้าหน้าที่ที่โครงการ ให้การดูแลตลอด 24 ชม. เพื่อเข้าตรวจสอบเหตุและระงับเหตุในทันที เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และยกระดับความปลอดภัยให้กับลูกค้าสูงสุด
“ในปี 2567 LIV-24 ตั้งเป้าหมายรายได้ที่ 180 ล้านบาทหรือโตขึ้น 150% โดยเติบโตเพิ่มขึ้นจากทั้งในโครงการที่อยู่อาศัย และโครงการเพื่อพาณิชย์ คาดว่าจะมีจำนวนโครงการที่ใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 160 โครงการ ด้วยกลยุทธ์ที่มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยี และความเข้าใจลึกซึ้งถึงความต้องการด้านระบบความปลอดภัยที่แตกต่างกันของโครงการที่พักอาศัย หรือโครงการเพื่อการพาณิชย์ ดังนั้นการทำงานของ LIV-24 จึงมีความยืดหยุ่น พัฒนาทีมงานให้มีความเชี่ยวชาญ สามารถให้คำแนะนำและออกแบบบริการด้านความปลอดภัยให้ตอบโจทย์แต่ละโครงการอย่างแท้จริง” นางสาวนิรมล กล่าว