ทีเอ็มบีธนชาต ประกาศปรับดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ ย้ำส่งเสริมการออมด้วยบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงที่หลากหลาย ตอบโจทย์ครบทุกกลุ่มลูกค้า พร้อมเดินหน้าดูแลลูกค้าสินเชื่อแบบยั่งยืน
ทีเอ็มบีธนชาต ประกาศปรับดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ ย้ำส่งเสริมการออมด้วยบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงที่หลากหลาย ตอบโจทย์ครบทุกกลุ่มลูกค้า พร้อมเดินหน้าดูแลลูกค้าสินเชื่อแบบยั่งยืน
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และเงินกู้ สอดคล้องตามทิศทางของภาวะเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัว ย้ำธนาคารให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการออมเงิน ด้วยบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงที่หลากหลาย ครอบคลุมตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้า ทั้งเงินฝากประจำระยะสั้น และระยะยาว โดยปรับอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 2.25% และ 5.00% ต่อปีตามลำดับ พร้อมปรับบัญชีออมทรัพย์ ทีทีบี มีเซฟ ที่เหมาะสมกับลูกค้าทุกคนส่งเสริมวินัยการออม ให้ดอกเบี้ยสูงสุดรวมโบนัส 2.20% ต่อปีตั้งแต่บาทแรกที่ฝาก ซึ่งถือเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไปถึง 8.8 เท่า ด้านเงินกู้ประกาศพร้อมดูแลลูกค้าสินเชื่อทุกกลุ่มเน้นแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 2.50% ต่อปี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อให้สอดรับกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายดังกล่าว และเป็นไปตามภาวะทิศทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ธนาคารได้พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั้งลูกค้าบุคคล และนิติบุคคล ทั้งนี้ยังเน้นส่งเสริมให้ลูกค้าออมเงินเพิ่มมากขึ้นผ่านบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงที่หลากหลาย ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกประเภท ทั้งบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ บัญชีเงินฝากประจำระยะสั้น และระยะยาว พร้อมมอบรูปแบบการจ่ายดอกเบี้ยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า รวมถึงยังเน้นย้ำและให้ความสำคัญกับแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน โดยธนาคารมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดังนี้
ด้านอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลูกค้าบุคคล
· สำหรับลูกค้าที่ชอบการออมระยะสั้น บัญชีเงินฝากประจำพิเศษ ทีทีบี ดอกเบี้ยด่วน 12 เดือน ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.45% เป็น 2.25% ต่อปี (รับดอกเบี้ยทั้งก้อนไปใช้ก่อน ใน 7 วันนับจากวันที่ฝากเงิน) โดยมีผลแล้วตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2566
· สำหรับลูกค้าที่ชอบการออมระยะยาว บัญชีเงินฝากประจำพิเศษ ทีทีบี อัพ แอนด์ อัพ ที่ให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นทุก ๆ 6 เดือน และลูกค้าได้รับดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ปรับอัตราดอกเบี้ยขั้นสูงสุดอยู่ที่ 5.0% ต่อปี ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเงินฝากที่มุ่งเน้นการออมในบัญชีดอกเบี้ยสูงแต่ยังต้องการสภาพคล่อง เพราะถอนได้ก่อนกำหนด ไม่ถูกลดดอกเบี้ย และบัญชีเงินฝากประจำทั่วไป ทีทีบี ประเภท 24 เดือน ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.35% เป็น 1.70% ต่อปี พร้อมรับดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป
· สำหรับลูกค้าเสริมวินัยเก็บออม บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ดิจิทัล ทีทีบี มีเซฟ ที่ไม่ต้องฝากประจำ ดูดอกเบี้ยสะสมได้ทุกวัน ปรับอัตราดอกเบี้ยสูงสุดรวมโบนัสเพิ่มขึ้นเป็น 2.20% ต่อปีสำหรับยอดเงินฝากตั้งแต่บาทแรกถึง 100000 บาท ซึ่งให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไปถึง 8.8 เท่า โดยมีผลแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566
ด้านอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลูกค้านิติบุคคล มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป ดังนี้
· สำหรับลูกค้าที่กำหนดระยะเวลาการฝากได้ชัดเจน
o บัญชีเงินฝากประจำทั่วไป ทีทีบี ประเภท 24 เดือน ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.80% เป็น 2.40% ต่อปี สำหรับกลุ่มลูกค้านิติบุคคลทั่วไปที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน และ 2.10% ต่อปี สำหรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นสถาบันการเงิน
o บัญชีเงินฝากประจำทั่วไป ทีทีบี ประเภท 36 เดือน ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.80% เป็น 2.50% ต่อปี สำหรับกลุ่มลูกค้านิติบุคคลทั่วไปที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน และ 2.20% ต่อปี สำหรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นสถาบันการเงิน
· สำหรับลูกค้าที่ต้องการระยะเวลาการฝากที่ยืดหยุ่น บัญชีเงินฝากประจำรูปแบบพิเศษ ทีทีบี อัพ แอนด์ อัพ ประเภท 24 เดือน ปรับอัตราดอกเบี้ยขั้นสูงสุดอยู่ที่ 2.40% ต่อปี โดยปรับอัตราดอกเบี้ยช่วงเดือนที่ 1-6 เพิ่มขึ้น 0.40% เป็น 1.50% ต่อปี ช่วงเดือนที่ 7-12 เพิ่มขึ้น 0.20% เป็น 1.80% ต่อปี ช่วงเดือนที่ 13-18 เพิ่มขึ้น 0.40% เป็น 2.10% ต่อปี และช่วงเดือนที่ 19-24 เพิ่มขึ้น 0.60% เป็น 2.40% ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนจากสภาพคล่องส่วนเกิน แต่ต้องการความยืดหยุ่นของระยะเวลาการฝาก ถอนได้ก่อนกำหนด โดยไม่ถูกลดดอกเบี้ย
ด้านอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ มีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.25% สำหรับดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี MLR (Minimum Loan Rate) อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี MOR (Minimum Overdraft Rate) และอัตราดอกเบี้ยรายย่อยชั้นดี MRR (Minimum Retail Rate) โดยอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นดังกล่าว มีผลตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไปเช่นกัน
“จากสถานการณ์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของกนง. เพื่อส่งเสริมเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาวป้องกันการสะสมความไม่สมดุลทางการเงินที่เกิดจากสภาวะดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานาน และรักษาเงินเฟ้อในระยะยาวให้อยู่ในกรอบเป้าหมายอย่างยั่งยืน ทีทีบีจึงมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อเป็นการขานรับนโยบายดังกล่าว อย่างไรก็ตามธนาคารยังคงให้การสนับสนุน ดูแลช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อที่อ่อนไหวและมีภาระหนี้ที่สูงขึ้น โดยยังคงแนะนำให้ลูกค้าแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนผ่านโซลูชันรวบหนี้ และโซลูชันโอนยอดหนี้เพื่อให้ดอกเบี้ยต่ำลง ช่วยลดภาระดอกเบี้ย เพิ่มสภาพคล่อง ควบคู่กับแนะนำการให้ความรู้ทางการเงิน พร้อมกับการสนับสนุนการออมเงินเพื่อเป็นการสร้างรากฐานชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าทั้งในวันนี้ และอนาคต ผ่านบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงที่หลากหลายของทีทีบี” นายปิติ กล่าวสรุป