กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 35.00-35.50 ติดตามถ้อยแถลงประธานเฟด
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า
เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 35.00-35.50 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิด อ่อนค่าที่ 35.28 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 34.76-35.28 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 5 ปีครั้งใหม่ เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ยกเว้นฟรังก์สวิสในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ย Fed Funds 75bp สู่ 1.50-1.75% ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 28 ปี เพื่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ โดยเฟดประเมินว่าเศรษฐกิจจะชะลอลงและอัตราการว่างงานจะสูงขึ้น ขณะที่ Dot Plot บ่งชี้ว่าเฟดอาจเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย สู่ 3.4% ก่อนสิ้นปีนี้ และ 3.8% ในปี 2566 ก่อนจะลดลงสู่ 3.4% ภายในสิ้นปี 2567 โดยเฟดมองอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวอยู่ที่ 2.5% นอกจากนี้ ประธานเฟดระบุว่ามีแนวโน้มสูงที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 50bp หรือ 75bp ในเดือนกรกฎาคม แต่ไม่คาดว่าการปรับขึ้น 75bp ต่อหนึ่งรอบประชุมจะกลายเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งเฟดไม่ได้พยายามจะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่หลายปัจจัยอยู่นอกเหนือจากการควบคุม ทางด้านธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด ส่วนธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์สร้างความประหลาดใจด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 15 ปี ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) คงนโยบายแบบผ่อนคลายมากเป็นพิเศษสวนทางเศรษฐกิจแห่งอื่นๆ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 12,328 ล้านบาท และมียอดขายพันธบัตร 15,057 ล้านบาท โดยมีพันธบัตรที่ถือครองโดยต่างชาติครบอายุ 9,154 ล้านบาท
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรีคาดว่า นักลงทุนจะติดตามถ้อยแถลงด้านนโยบายของประธานเฟดต่อสภาในวันที่ 22-23 มิถุนายน รวมถึงข้อมูลยอดขายบ้านเดือนพฤษภาคมของสหรัฐฯ ขณะที่ประมาณการดอกเบี้ยล่าสุดของเฟดสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาดมากขึ้น ทั้งนี้ สัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสะท้อนว่ามีโอกาสราว 90% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 75bp ในเดือนกรกฎาคม และมีโอกาสสูงกว่า 50% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 50bp ในเดือนกันยายน อย่างไรก็ดี การที่ธนาคารกลางหลายแห่งหันมาเร่งคุมเข้มนโยบายสร้างความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกและภาวะตลาดการเงินตึงตัวซึ่งมีแนวโน้มหนุนดอลลาร์ในช่วงนี้
สำหรับปัจจัยในประเทศ ตลาดจะให้ความสนใจกับตัวเลขนำเข้าส่งออกเดือนพฤษภาคมจากกระทรวงพาณิชย์ ขณะผู้ว่าการธปท.ให้ความเห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมากมีความจำเป็นน้อยลงและการปรับขึ้นดอกเบี้ยของกนง.ต้องไม่ช้าเกินไป อนึ่ง เมื่อประเมินจากสภาวะแวดล้อมตลาดโลกเรามองว่ากระแสเงินทุนไหลออกจากสินทรัพย์ตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทยจะดำเนินต่อไปอีกระยะหนึ่ง