เปิดเส้นทางความสำเร็จ 30 ปี พฤกษา จากทาวน์เฮาส์บ้านพฤกษาสู่อาณาจักรอสังหาฯ หมื่นล้าน ก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 พร้อมส่งมอบการอยู่อาศัยที่ “อยู่ดี มีสุข”

   เมื่อ : 11 เม.ย. 2566

หลายคนอาจไม่ทราบว่ากว่า พฤกษา เรียลเอสเตท จะก้าวมาเป็นบริษัทอสังหาหมื่นล้านอย่างทุกวันนี้ บริษัทฯ แห่งนี้เริ่มต้นธุรกิจจากการทำทาวน์เฮาส์มาก่อน โครงการแรก คือ บ้านพฤกษา 1 ดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่ง คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2536

 

จากจุดเริ่มต้นจนถึงวันนี้รวมเป็นเวลา 30 ปี คุณทองมาได้แสดงวิสัยทัศน์ที่จะไม่หยุดนิ่ง พร้อมมุ่งไปข้างหน้าเพื่อพัฒนาธุรกิจอยู่เสมอ วิสัยทัศน์นี่เองที่เป็นแรงหนุนสำคัญทำให้พฤกษาเติบโตจนกลายมาเป็นบริษัทอสังหายักษ์ใหญ่ และจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งด้วยความตั้งใจที่จะส่งมอบการอยู่อาศัยที่ อยู่ดี มีสุข รวมทั้งมุ่งขยายกิจการไปยังธุรกิจใหม่ ๆ ตามเทรนด์โลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปรากฎให้เห็นแล้วจากการรุกธุรกิจโรงพยาบาล อีคอมเมิร์ซ และพลังงานทางเลือกเส้นทางการดำเนินธุรกิจตลอด 3 ทศวรรษของพฤกษาจึงเป็นเรื่องน่าสนใจ และสิ่งที่พฤกษาจะทำนับจากนี้ก็น่าจับตามองอย่างยิ่ง

 

จากทาวน์เฮ้าส์ขยายฐานสู่ที่พักอาศัยระดับพรีเมียม

คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ผู้ก่อตั้งบริษัทฯ  ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริษัท บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ได้ถ่ายทอดเรื่องราวจุดกำเนิดของพฤกษาว่า บริษัทฯ แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2536 เปิดตัวด้วยโครงการบ้านพฤกษา 1 ที่รังสิต-คลอง 8 จากนั้นได้เริ่มสร้างและขายทาวน์เฮาส์ ในโครงการบีโอไอ (BOI) เพื่อสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยให้ได้มีบ้านเป็นของตัวเอง ด้วยการพัฒนาสินค้าทาวน์เฮาส์ให้มีจุดเด่นตรงตามความต้องการของตลาด และนำเทคโนโลยีการก่อสร้างมาใช้จนเป็นผู้นำในการปฎิวัติอุตสาหกรรมการก่อสร้างที่อยู่อาศัยด้วยพรีคาสท์ หลังจากประสบความสำเร็จในการทำทาวน์เฮ้าส์แล้วก็ได้ศึกษาความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ต่อมาจึงได้สร้างโครงการที่อยู่อาศัยในรูปแบบอื่นเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม บ้านแฝด ซึ่งสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าไปจนถึงระดับบน

นอกจากการพัฒนาโครงการแล้ว ตัวองค์กรก็มีการพัฒนาและก้าวหน้าเช่นกัน โดยมีเหตุการณ์ที่ต้องบันทึกไว้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญหลา เหตุการณ์ด้วยกัน เช่น  

 

• ปี 2547 ก่อตั้ง โรงงานพฤกษาพรีคาสท์ ซึ่งทำให้พฤกษากลายเป็นผู้นำในวงการก่อสร้างบ้านด้วยการนำเทคโนโลยีพรีคาสท์จากเยอรมนีมาใช้ และยังได้ก่อสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูปแห่งแรกในประเทศไทย โดยใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้นด้วยมูลค่าเงินลงทุน 650 ล้านบาท

• ปี 2548 แปรสภาพเป็น บริษัทมหาชนจำกัด และทำการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปีเดียวกันนี้ ได้ขยายกลุ่มลูกค้าจากทาวน์เฮาส์ไปยังบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ ภัสสร โดยมุ่งเน้นให้ลูกค้าที่มีรายได้ปานกลางสามารถเป็นเจ้าของบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ที่มีพื้นที่ใช้สอยคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายมากที่สุด

• ปี 2550 เนื่องจากระบบขนส่งสาธารณะเปลี่ยนแปลง มีโครงการรถไฟฟ้าเกิดขึ้น ซึ่งส่งผลต่อแนวคิดการอยู่อาศัยของผู้บริโภค เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมสูงมาก พฤกษาจึงได้ปรับกลยุทธ์โดยก่อสร้างคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ไอวี่ เดอะซี๊ด และ ซิตี้วิลล์

• ปี 2557 เปิด โรงงานพฤกษาพรีคาสท์ โรงที่ 6 และ 7 โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยระดับโลก ทำให้พฤกษามีกำลังการผลิตบ้านสูงถึง 1120 ยูนิตต่อเดือน และเป็น Green Factory แห่งแรกในประเทศไทยในอุตสาหกรรมการผลิต Precast Concrete ด้วยระบบ Concrete Recycling

• ปี 2563 เปิดตลาดพรีเมียมด้วยโครงการ เดอะ รีเซิร์ฟ เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดระดับบนให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกเซ็กเมนต์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้พฤกษา

 

ก่อตั้ง พฤกษา โฮลดิ้ง รองรับการเติบโต

หลังจากธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างมาก ในปี 2559 บริษัทฯ จึงได้ก่อตั้งโฮลดิ้งขึ้นโดยใช้ชื่อ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งคุณทองมา เล่าว่า บริษัทโฮลดิ้งนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อรองรับและเพิ่มความคล่องตัวในการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจใหม่ที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีกลยุทธ์หลัก 3 ประการ คือ 1) รักษาความเป็นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง 2) เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทฯ ในตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน และ 3) ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจใหม่ที่สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง

 

ขยายกิจการสู่ธุรกิจโรงพยาบาล

ธุรกิจโรงพยาบาลของพฤกษาเริ่มขึ้นในปี 2560 ภายใต้ชื่อ วิมุต ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน ใช้งบลงทุน 5000 ล้านบาท นับเป็นก้าวแรกของพฤกษาในการบุกธุรกิจสุขภาพ ซึ่งจะเป็นอีกแหล่งรายได้ประจำที่นอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์ และจะเพิ่มมูลค่าให้โครงการที่อยู่อาศัยด้วยบริการ Nursing Home ดูแลสุขภาพ และผู้สูงวัย ด้วยโมเดลคลินิกบ้านหมอวิมุต

 

“โรงพยาบาลวิมุตเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2564 เรามุ่งมั่นตั้งใจที่จะรักษาผู้ป่วยให้มีสุขภาพแข็งแรง พ้นทุกข์จากการเจ็บป่วยทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมีศูนย์เฉพาะทางและทีมแพทย์ที่ใส่ใจดูแลคนไข้เสมือนคนในครอบครัว พร้อมการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างตรงจุดด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย โดยมีค่าใช้จ่ายที่เข้าถึงได้” คุณทองมา กล่าว

 

2565 ปีแห่งการขยายธุรกิจใหม่

ปี 2565 เป็นอีกปีหนึ่งที่พฤกษาเกิดการเปลี่ยนแปลง ความเคลื่อนไหวที่สำคัญ คือ การจัดตั้ง กองทุน Corporate Venture Fund มูลค่า 3500 ล้านบาท เพื่อมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ตามเทรนด์โลกอนาคต โดยมุ่งเน้น 2 ด้านที่จะมาสนับสนุนธุรกิจหลัก ได้แก่ PropTech เช่น โซลูชันที่มุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า การขายและการตลาดดิจิทัล รวมทั้ง Smart Home IoT และ Senior Living อีกด้านหนึ่ง คือ Health Tech ซึ่งจะมุ่งเน้นแพลตฟอร์มด้านบริการทางการแพทย์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานธุรกิจสุขภาพ และอุปกรณ์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ เป็นต้น

 

นอกจากนี้ ยังได้ขยายธุรกิจใหม่ด้านอีคอมเมิร์ซด้วยการก่อตั้ง บริษัท ซินเนอร์จี โกรท จำกัด เพื่อใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือในการขยายธุรกิจ รวมทั้งก่อตั้ง บริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด เพื่อรองรับความต้องการด้านพรีคาสท์ และก่อตั้งบริษัทร่วมทุนในชื่อ บริษัท ปัน นิวเอนเนอจี จำกัด ดำเนินธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งโซล่ารูฟ เพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือก โดยยังมุ่งใช้กลยุทธ์ซินเนอร์จี้ ผสานจุดแข็งของแต่ละธุรกิจ เสริมความแข็งแกร่งของบริษัทในเครือมีการประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในระดับภูมิภาค จัดตั้ง กองทุน “CapitaLand SEA Logistics Fund” ร่วมกับ สองบริษัทชั้นนำ คือ แคปปิตอลแลนด์ อินเวสเม้นท์ กรุ๊ป (CapitaLand Investment Group หรือ CLI) ยักษ์ใหญ่กลุ่มธุรกิจจัดการการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก  และ แอลลี่ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้ (Ally Logistic Property หรือ ALP) ผู้ให้บริการโซลูชั่นคลังสินค้าแบบครบวงจรที่ล้ำสมัยที่สุดในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของประเทศใต้หวัน  เพื่อลงทุนและพัฒนาทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์สำหรับอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่ใช้ในประเทศสำคัญ ๆ ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

ก้าวต่อไปกับการส่งมอบที่อยู่อาศัยที่ “อยู่ดี มีสุข”

ต้นปี 2566 พฤกษาได้ประกาศจุดหมายใหม่ในการส่งมอบการอยู่อาศัยแบบ Live well Stay well ที่ไม่เพียงพัฒนาโครงการบ้านสวยด้วยนวัตกรรมดีไซน์เท่านั้น แต่ยังผนวกการสร้างปัจจัยสุข สุขภาพดี ชุมชนดี เติมเต็มคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยในความหมายของการ อยู่ดี มีสุข อย่างแท้จริง

 

โดย 3 ธุรกิจในเครือ คือ อสังหาริมทรัพย์ เฮลธ์แคร์ และอีคอมเมิร์ซ จะผสานพลังเพื่อยกระดับการอยู่อาศัยให้มีความสะดวกสบาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล เช่น การใช้แนวคิดบ้านแบบ Multi Gen ที่รองรับคนทุกวัย การใช้โฮมออโตเมชันมาจัดการให้ชีวิตดีขึ้น เชื่อมโยงการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีผ่านแอปพลิเคชัน MYHAUS ที่ควบคุม IoT ในบ้านได้เพียงปลายนิ้ว การใช้พลังงานทางเลือกอย่างโซล่ารูฟ EV-Charger และการร่วมมือกับโรงพยาบาลวิมุตเพื่อมอบบริการดูแลสุขภาพและสิทธิประโยชน์แก่ลูกบ้าน ไม่เพียงเท่านี้ พฤกษา เรียลเอสเตท ยังมีแผนที่จะร่วมกับพันธมิตรภายนอกที่จะมาสร้างความอยู่ดี มีสุข ให้เพิ่มขึ้นด้วย

 

“เจตนารมณ์ของเราตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ คือ ทำให้คนไทยมีบ้านที่อยู่อย่างมีความสุข เราต้องขอบคุณคนไทยกว่า 260000 ครอบครัว ที่ไว้ใจให้พฤกษาดูแลตลอด 30 ปีที่ผ่านมา และเราจะมุ่งมั่นสร้างการอยู่อาศัยที่ดี เพื่อให้ทุกชีวิตที่พฤกษา อยู่ดี มีสุข มากที่สุด” คุณทองมา กล่าวทิ้งท้าย

 

ในโอกาสครบรอบ 30 ปี พฤกษาได้มอบแพ็คเกจส่วนลดสินค้าและบริการในเครือสำหรับลูกค้าปัจจุบันที่เป็นสมาชิก Pruksa Member รวมทั้งลูกค้าที่จะโอนกรรมสิทธิ์และลูกค้าเยี่ยมชมโครงการในเดือนเมษายนนี้ นอกจากนี้ยังมีไอศกรีมรสชาติพิเศษที่ทำขึ้นในโอกาสฉลอง 30 ปี มอบให้ลูกค้าที่มาเยี่ยมชมโครงการ (เฉพาะบางโครงการ) ระหว่างวันที่  22 - 30 เม.ย. นี้ด้วย