SCB CIO แนะลูกค้าเวลธ์เปิดบัญชีเงินฝาก FCD พักเงินหาจังหวะลงทุนต่างประเทศ เสนอ 7ผลิตภัณฑ์เด่น ลงทุนสกุลดอลลาร์สหรัฐเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี

   เมื่อ : 28 มี.ค. 2566

SCB  CIO   หนุนลูกค้าเวลธ์เปิดบัญชีเงินฝาก FCD พักเงินไว้ลงทุนสกุลดอลลาร์สหรัฐ แนะอาศัยจังหวะบาทแข็งแลกดอลลาร์สหรัฐ ลงทุนตรงต่างประเทศพร้อมเสนอ 7 ผลิตภัณฑ์เด่น ให้เลือกลงทุนตามผลตอบแทนที่คาดหวังและความเสี่ยงที่ยอมรับได้  ชี้ช่องการลงทุนในตราสารหนี้ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในปีนี้ คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องครั้งละ 0.25% จนถึงเดือนพฤษภาคมนี้   ประเมินอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงสุดอยู่ที่ 5.25 - 5.50% ตลอดปี 2566 และเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในปี  2567 ส่งผลให้ผู้ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้คุณภาพดีในสหรัฐฯ  มีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี จากอัตราดอกเบี้ยเฟดที่ยังคงอยู่ในระดับสูง 

 

นายศรชัย  สุเนต์ตา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Office and Product และผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย SCB Chief Investment Office (SCB CIO) ธนาคารไทยพาณิชย์  เปิดเผยว่านับตั้งแต่ต้นปี 2566 ผู้ลงทุนทั่วไป และกลุ่มผู้ลงทุนที่มีความมั่งคั่งระดับสูง ( Ultra High Net Worth) ให้ความสนใจลงทุนในผลิตภัณฑ์ตราสารหนี้ต่างประเทศมากขึ้น  ซึ่งสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ส่งผลให้ผู้ลงทุนเพิ่มน้ำหนักลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำมากขึ้น   เช่น ตราสารหนี้ 

 

ทั้งนี้ จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ล่าสุด ในเดือน ม.ค. 2566 พบว่า มีผู้ลงทุนรายย่อยที่ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศผ่านตัวแทน มีมูลค่าประมาณ  1226.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.96% จากเดือน ธ.ค. 2565 และเพิ่มขึ้น 58.65% จากเดือนเดียวกันของปี 2565 ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ผ่านกองทุนรวม มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 4088.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.69% จากเดือน ธ.ค. 2565 และเพิ่มขึ้น 11.24%  จากเดือนเดียวกันของปี  2565

 

นายศรชัย  กล่าวต่อไปว่า   กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมสำหรับปี 2566 ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี ให้กับพอร์ตลงทุน นักลงทุนควรหาจังหวะ และโอกาสเข้าลงทุนในต่างประเทศด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ  โดยเฉพาะในช่วงที่ค่าเงินบาทแข็งค่า แนะนำให้แลกเงินดอลลาร์สหรัฐ เก็บไว้ในบัญชีเงินฝากสกุลเงินตราต่างประเทศ (FCD) และหาจังหวะลงทุนในช่วงเวลาที่เหมาะสม  หรือหากรับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ -ปานกลาง สามารถลงทุนในเงินฝากพันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้คุณภาพดีในต่างประเทศ เช่น ในสหรัฐฯ ที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่น่าสนใจ และหากรับความเสี่ยงได้สูงขึ้น ก็สามารถไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศ หรือลงทุนผ่านผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์ประเภทต่างๆ ได้

 

“ข้อดีของการมีบัญชีเงินฝาก FCD คือ ผู้ลงทุนสามารถพักเงินดอลลาร์สหรัฐที่แลกไว้ในบัญชีนี้ เพื่อรอนำเงินไปลงทุนต่อในต่างประเทศโดยตรง และเมื่อได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนกลับมาในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ก็ฝากไว้ในบัญชีเงินฝาก FCD เพื่อนำกลับไปลงทุนในต่างประเทศใหม่ได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากผู้ลงทุนสามารถรอจังหวะที่เหมาะสม เพื่อแลกเปลี่ยนกลับมาเป็นเงินบาท หรือรอนำเงินดอลลาร์สหรัฐที่เก็บไว้ ไปใช้ในต่างประเทศได้เลย” นายศรชัย กล่าว 

              

ทั้งนี้ การลงทุนในเงินฝาก พันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้คุณภาพดี ในต่างประเทศ  ที่ลงทุนในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ   SCB CIO  แนะนำ 7 ผลิตภัณฑ์ที่เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ได้แก่  US Treasury  ลงทุนโดยตรงในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้น     ETF US treasury  ลงทุนผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ ที่ไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (ช่วงอายุ 1-3 ปี)  Capped Floored Floater ลงทุนในตราสารอนุพันธ์อ้างอิง ดอกเบี้ยลอยตัว Fund link note ลงทุนในตราสารอนุพันธ์อ้างอิงผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ แบบรับประกันเงินต้น และ KIKO (Foreign Equity) ลงทุนในตราสารอนุพันธ์อ้างอิง ผลตอบแทนของหุ้นต่างประเทศแบบไม่รับประกันเงินต้น นอกจากนี้   ยังสามารถลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่ใช้เงินบาทลงทุน โดยมีนโยบายไปลงทุนในต่างประเทศ และมีโอกาสรับผลตอบแทนเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ (SCBFST) และ Dual Currency Investment การลงทุนในตราสารอนุพันธ์อ้างอิงผลตอบแทนของหุ้นต่างประเทศ

              

ทั้งนี้  การลงทุนในตราสารหนี้ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในปีนี้ โดย ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น โดยคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องครั้งละ 0.25% จนถึงเดือนพฤษภาคมนี้   หลังจากนั้นคงไว้  คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงสุดรอบนี้จะอยู่ที่ 5.25 - 5.50% ตลอดปี  2566 และเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในปี2567 ดังนั้น ทำให้ผู้ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้คุณภาพดีในสหรัฐฯ มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการที่อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูง  

 

คำเตือน :

·        ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะตราสาร หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

·        กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ (SCBFST) มีความเสี่ยงระดับ 4 คือเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ

·        กองทุนที่มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนและไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

·        หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงเป็นตราสารที่มีความซับซ้อนมากกว่าหุ้นกู้ทั่วไป เนื่องจากเป็นตราสารที่ประกอบด้วยตราสารหนี้และอนุพันธ์แฝง โดยการลงทุนในหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงจะมีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องหลายด้าน เช่น ความเสี่ยงของปัจจัยอ้างอิง ความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ออกตราสาร เป็นต้น ผู้ลงทุนความทำความเข้าใจเงื่อนไขการจ่ายผลตอบแทนและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง และขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนทำการลงทุน

·       การลงทุนในหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง ไม่ใช่เงินฝาก และธุรกรรมการลงทุนในหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงจะไม่ได้รับความคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากแต่อย่างใด จึงมีความเสี่ยงของการลงทุน ซึ่งผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวน และการขายคืนเป็นไปตามเงื่อนไขของผลิตภัณฑ์การลงทุนตามที่ระบุในหนังสือชี้ชวน