SCBX พร้อมเดินเครื่อง หลังธปท. เห็นชอบการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสม ของธนาคารไทยพาณิชย์ ให้แก่ “ยานแม่” รองรับการปรับโครงสร้างธุรกิจตามแผนยุทธศาสตร์
กรุงเทพฯ – “เอสซีบี เอกซ์” (SCBX) พร้อมเดินหน้าเร่งเครื่องสร้างการเติบโตและขยายธุรกิจตามยุทธศาสตร์ “ยานแม่” อย่างเต็มที่ หลังได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2565 ให้ธนาคารไทยพาณิชย์จ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมจำนวน 61,000 ล้านบาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นของธนาคาร และ คณะกรรมการธนาคาร ในการประชุมครั้งที่ 13/2565 เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2565 ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมจำนวนดังกล่าวแล้ว ซึ่ง SCBX จะได้รับเงินปันผลตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ ร้อยละ 99.06 และจะนำเงินจำนวนนี้ไปใช้ตามแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยการซื้อหุ้นบริษัทลูกจากธนาคาร และบริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB 10X) และใช้เป็นเงินลงทุนให้แก่บริษัทในกลุ่ม จำนวน 12 บริษัท ทั้งนี้ เงินจำนวนนี้จะมิได้ใช้เพื่อจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นของ SCBX อนึ่งการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลและเงินปันผลประจำปีจากผลการดำเนินงานปี 2565 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ SCBX จะเป็นไปตามมติของคณะกรรมการบริษัทต่อไป
การได้รับเงินปันผลดังกล่าวเป็นหนึ่งในความคืบหน้าที่สำคัญของ SCBX ในการดำเนินการตามกลยุทธ์เพื่อก้าวเป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนำในระดับภูมิภาค โดย SCBX จะเดินหน้าหาโอกาสการลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าแก่ผู้ถือหุ้นโดยเร็ว ในขณะที่ธนาคารภายหลังการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมครั้งนี้ ยังมีระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง และยังคงศักยภาพในการประกอบธุรกิจ รวมทั้งการให้บริการแก่ลูกค้าที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องและครบวงจร
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) (SCBX) กล่าวว่า “กระบวนการโอนเงินปันผลจากกำไรสะสมของธนาคารมาที่ SCBX ในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในความคืบหน้าที่สำคัญของ SCBX ซึ่งเป็นไปตามแผนการปรับโครงสร้างองค์กรตามยุทธศาสตร์ “ยานแม่” หลังจากนี้ภาพการทำธุรกิจของกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCBX) จะมีความชัดเจนยิ่งขึ้น มีศักยภาพและความคล่องตัวในการเติบโตของธุรกิจของกลุ่มฯ ในหลายด้าน สามารถขยายตัว และพัฒนาธุรกิจได้อย่างเต็มที่ มีความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งในระดับโลกอย่างทัดเทียม และสามารถบรรลุเป้าหมายในการนำพาองค์กรก้าวสู่การเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินระดับภูมิภาค ที่สร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวแก่ผู้ถือหุ้น และนำพาประเทศให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน”